จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจู่ๆ คุณต้องกลายเป็นคนตาบอด มองอะไรไม่เห็นไป 1 ชั่วโมงครึ่ง!! และคุณจะทำยังไง คุณจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อได้หรือเปล่า คุณจะสามารถแยกแยะได้มั้ยว่าตอนนี้คุณกำลังอยู่ที่ไหน ได้ยินเสียงอะไร หรือกลิ่นของอะไรที่กำลังลอยเข้าจมูกของคุณอยู่?
Dialogue in the Dark Bangkok หรือบทเรียนในความมืด เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์หรือสถานเรียนรู้ที่ผมไปมาแล้วเกิดความรู้สึกประทับใจมากจนอยากจะบอกต่อให้ทุกคนได้รู้จัก ได้ไปแวะชมกันมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั้ยครับว่าหากนับถึงปัจจุบันนี้ที่นี่ก็ได้เปิดบริการมาเข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายที่ยังไม่รู้ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ หรืออาจจะรู้แล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ไปซักที ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยผลักดันหรือเป็นแรงกระตุ้นให้ทุกคนกล้าที่จะก้าวเข้าไปยังที่แห่งนี้ กล้าที่จะออกไปลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กล้าที่จะเปิดใจและเข้าใจเพื่อนมนุษย์ของเราให้มากขึ้น และเชื่อผมเถอะครับว่าหลังจากที่คุณก้าวออกจากประตูสุดท้ายของ Dialogue in the Dark Bangkok แล้ว มุมมองที่คุณมีต่อคนตาบอดหรือผู้พิการทางสายตาของคุณจะเปลี่ยนไปในทันที!!
สำหรับการเดินทางไป Dialogue in the Dark Bangkok นั้นก็ง่ายๆ เลยครับ เพียงแค่เราเดินทางไปยังจัตุรัสจามจุรี หรือที่หลายๆ คนเรียกว่าจามจุรีสแควร์ให้ถูกแค่นั้นเอง โดยคนที่สะดวกเดินทางด้วยรถ MRT ก็ให้ลงที่สถานีสามย่านจากนั้นก็เดินเข้าตึกจามจุรีสแควร์ทางชั้นใต้ดินได้เลย ส่วนคนที่ขับรถไปเองนั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะที่จอดรถของที่นี่ก็ถือว่ามีมากมายอยู่ครับ โดยอัตราค่าบริการสำหรับการจอดรถนั้น 2 ชั่วโมงแรกจะไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนชั่วโมงถัดๆ ไป จะชั่วโมงละ 20 บาทครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อเราเดินทางมาถึงจามจุรีสแควร์เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เราขึ้นไปยังชั้น 4 และที่นี่เราก็จะเจอกับ “จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. (NSM Science Square)” แบบนี้ครับ
จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. นั้นจะเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์หรือสถานเรียนรู้ที่เน้นให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ โดยจะนำเสนอออกมาในรูปแบบกิจกรรมหรือเครื่องเล่นที่ดูสนุกสนาน เข้าใจง่าย เด็กๆ ตัวเล็กๆ ก็สามารถที่จะเรียนรู้หรือสนุกไปกับมันได้อย่างไม่ปวดหัว โดยกิจกรรมในจัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. (NSM Science Square) นั้นจะมีให้เราเลือกมากมาย และมีการเปลี่ยนแปลงไปทุกๆ เดือน ซึ่งเราสามารถดูตารางกิจกรรมในเดือนนั้นได้ที่บริเวณทางเข้าหรือไม่ก็ที่ FB ของ NSM Science Square ได้เลยครับ โดยกิจกรรมบางอย่างเราก็สามารถเล่นได้เลยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่บางกิจกรรมก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายและมีการจำกัดจำนวนคนครับ
หมายเหตุ : พื้นที่ของจัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. (NSM Science Square) นั้นจะอยู่ที่บริเวณชั้น 4 ของอาคารจามจุรีสแควร์ ฝั่งถนนพญาไทนะครับ ใครที่ขึ้นไปชั้น 4 แล้วเจอแต่ศูนย์หนังสือจุฬาก็ไม่ต้องตกใจไป ให้เราเดินทะลุออกมาอีกด้านนึงเดี๋ยวก็เจอประตูทางเข้าจัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. เองครับ
นี่เป็นภาพบริเวณทางเข้าของจัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. ครับ ใครสนใจลงทะเบียนร่วมกิจกรรมอะไรก็ติดต่อสอบถามหรือลงชื่อได้ที่นี่เลย สำหรับวันนี้ผมกับต๋งเลือกมาใช้บริการบทเรียนในความมืด Dialogue in the Dark Bangkok ซึ่งจะมีการแบ่งรอบการเข้าชมทุกๆ 15 นาที (1 รอบ สามารถเข้าชมได้สูงสุด 8 คน) โดยรอบแรกจะเริ่มเวลา 11.00 น. ส่วนรอบสุดท้ายจะเริ่มตอน 16.30 น. ครับ
หมายเหตุ : สำหรับเวลาในการให้บริการรอบแรกและรอบสุดท้ายของ Dialogue in the Dark Bangkok ในแต่ละวันนั้นจะไม่เหมือนกันนะครับ หากวันไหนเริ่มให้บริการรอบแรกเวลา 10.30 น. รอบสุดท้ายจะให้บริการเวลา 16.00 น. แต่หากวันไหนเริ่มให้บริการรอบแรกเวลา 11.00 น. รอบสุดท้ายก็จะให้บริการเวลา 16.30 น. ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูตารางเวลาการให้บริการในแต่ละเดือนที่ Facebook Fanpage ของ Dialogue in the Dark Bangkok ได้เลยครับ
สำหรับค่าเข้า Dialogue in the Dark Bangkok นั้น จะแบ่งเป็น 2 ราคาตามนี้เลยครับ
ผู้ใหญ่ : 100 บาท
เด็ก : 50 บาท (สำหรับนักศึกษาหรือนิสิตระดับปริญญาตรี หากแสดงบัตรนักเรียน นักศึกษา จะสามารถซื้อบัตรในราคาเด็กได้)
ส่วนผู้ที่มีบัตร Muse Pass Season 6 หรือบัตรขวัญใจของผู้ที่ชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์นั้นก็จะสามารถเข้าได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ ใครที่ชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์หรือสถานเรียนรู้ต่างๆ ควรซื้อไว้เลย ถูกมาก เพียงแค่ 299 บาท/ปี แต่สามารถเข้าได้ฟรีกว่า 60 แห่งเลยครับ ><
หลังจากที่เราซื้อบัตรและลงชื่อเรียบร้อยแล้วว่าต้องการเข้าชมรอบเวลากี่โมง คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เราต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมแล้วครับ เพราะหลังจากนี้เราจะต้องไปใช้เวลาอยู่ในที่มืดๆ ที่มองไม่เห็นนานถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าในนั้นไม่มีห้องน้ำให้เราเข้า ดังนั้นเราก็ต้องจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวเกิดไปปวดฉี่ตอนที่อยู่ในนั้น ผมบอกเลยว่าบันเทิงแน่
โดยในระหว่างที่เรารอเวลาเพื่อที่จะเข้าไปใน Dialogue in the Dark Bangkok นั้น เราก็สามารถเดินเล่นและเรียนรู้กับวิทยาศาสตร์สนุกๆ ในพื้นที่ของจัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. ได้นะครับ กิจกรรมหลายๆ อย่างของเค้าสนุกดี เล่นแล้วนอกจากจะได้ความบันเทิงแล้วยังได้ความรู้อีกด้วย















และเมื่อใกล้ถึงรอบเวลาของเราก็ให้เราเดินเข้าไปข้างในจัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. จนเจอบันไดแบบนี้อยู่ทางซ้ายมือ จากนั้นก็ให้เราเดินขึ้นไปยังชั้นบนเลยครับ
และนี่ก็คือบริเวณประตูทางเข้าสู่บทเรียนในความมืดที่แท้จริง โดยที่จุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาพูดคุยกับเรา บอกให้เรารู้ถึงระเบียบข้อบังคับต่างๆ รวมถึงการใช้ชีวิตในความมืดหลังจากนี้ ซึ่งข้อสำคัญๆ ที่ผมอยากจะให้ทุกคนอ่านให้เข้าใจก่อนก็มีดังนี้ครับ
-
เราจะใช้เวลาอยู่ใน Dialogue in the Dark Bangkok ประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที – 1 ชั่วโมง 30 นาที และภายในนั้นจะไม่มีห้องน้ำให้เราเข้า
-
ภายใน Dialogue in the Dark Bangkok จะมืดสนิทและมองอะไรไม่เห็นเลย โดยสิ่งที่เราจะสามารถพึ่งพาได้ก็คือหู, จมูก, ปาก และกายสัมผัส เราจะต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 4 ที่เหลืออยู่ให้คล่องขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะหูและปาก
-
ในการเดินใน Dialogue in the Dark Bangkok นั้นจะมีการแบ่งเป็นห้องๆ ลักษณะเหมือนเขาวงกต โดยจะมีไกด์คอยนำทางเราตลอดเวลา ดังนั้นเราไม่ต้องกลัวว่าเราจะหลงทางจนหาทางออกไม่ได้ครับ เพียงแต่เราต้องปฏิบัติตามคำสั่งของไกด์อย่างเคร่งครัด และห้ามเราเปิดประตูต่างๆ โดยพลการ เพราะไกด์จะเป็นผู้ที่มีสิทธิ์เปิดประตูแต่ละห้องเพียงคนเดียวเท่านั้น
-
ทาง Dialogue in the Dark Bangkok จะมีไม้เท้าให้เราถือเข้าไปคนละ 1 อัน โดยทางเจ้าหน้าที่จะสอนเราเรียบร้อยว่าต้องถือและใช้ไม้เท้าแบบไหน รวมถึงการเก็บของในกรณีที่เราเผลอทำอะไรร่วงหล่นสู่พื้นด้วย
-
ทาง Dialogue in the Dark Bangkok ไม่อนุญาตให้นำอุปกรณ์ที่สามารถก่อให้เกิดแสงสว่างเข้าไปภายในเด็ดขาด รวมถึงมือถือ หรือนาฬิกาต่างๆ ที่สามารถเรืองแสงได้ โดยหากทางไกด์เห็นว่ามีแสงต่างๆ เกิดขึ้นขณะที่เดินอยู่ข้างใน ทางไกด์ประจำกลุ่มจะทำการยุติกิจกรรมทันที
-
หากใครที่เดินอยู่ภายใน Dialogue in the Dark Bangkok แล้วเกิดความรู้สึกไม่สบาย ปวดหัว หรือมีอาการผิดปกติ ให้รีบแจ้งไกด์ทันที
-
กิจกรรมในห้องสุดท้ายของ Dialogue in the Dark Bangkok นั้น จะเป็นการให้เราทดลองซื้อของกินต่างๆ ในความมืด โดยทาง Dialogue in the Dark Bangkok ไม่ได้บังคับว่าทุกคนที่เข้าไปนั้นต้องซื้อ แต่หากใครต้องการจะร่วมกิจกรรมนี้ก็ให้พกเงินสดเข้าไปและเก็บไว้ในที่ที่สามารถหยิบออกมาใช้งานได้ง่ายหน่อย ซึ่งตรงนี้ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนติดเงินเข้าไปคนละ 100-200 บาท นะครับ จากนั้นค่อยไปตัดสินใจอีกทีว่าอยากจะซื้อหรือเปล่า ดีกว่าไม่มีเงินเข้าไปแล้วอยากจะใช้เงิน หรืออยากทำอะไรแล้วทำไม่ได้นะครับ ><



และนี่คือโฉมหน้าของตู้ล็อคเกอร์ที่เค้าจะต้องให้เราเก็บของต่างๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดแสงสว่าง โดยจำนวนตู้ล็อคเกอร์ของเค้านั้นจะมีประมาณ 30 ตู้ มีทั้งช่องใหญ่และเล็ก ดังนั้นเราไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับว่าตู้จะไม่พอ ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยนั้นก็สามารถไว้วางใจได้ระดับนึง เพราะเค้าจะให้แต่ละคนลงชื่อผู้ใช้บริการตู้นั้นๆ ไว้ด้วยครับ
สำหรับการใช้งานล็อคเกอร์ที่จุดนี้ เราสามารถใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
เอาล่ะ เมื่อพร้อมแล้วก็ได้เวลาเดินเข้าสู่ความมืดกันแล้วครับ โดยในจุดแรกจะมีเจ้าหน้าที่พาเราค่อยๆ เดินไปตามทางที่แสงไฟน้อยลงเรื่อยๆ เพื่อทำการปรับสภาพของสายตาเรา จากนั้นเมื่อเข้าไปสู่จุดที่มืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็น ทางเจ้าหน้าที่จะส่งมอบกลุ่มของเราให้กับไกด์ประจำกลุ่ม โดยหลังจากนี้เราต้องปฏิบัติตามคำสั่งของไกด์อย่างเคร่งครัด เพราะมันมืดมากกกกก มืดจนไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาก็มีค่าเท่ากันเลยครับ โดยในระหว่างที่เราเดินอยู่ใน Dialogue in the Dark Bangkok นั้น ไกด์ที่คอยนำทางเราจะมีกิจกรรมต่างๆ ให้เรากับเพื่อนๆ ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 4 ที่เหลืออยู่ ไขปริศนาหรือตอบคำถามหลายอย่างผ่าน 7 ห้องของการเรียนรู้อันได้แก่ ห้องรับรอง, สวน, ย่านชุมชน, ตลาด, การเดินทาง, ห้องฟังเพลง และคาเฟ่ ซึ่งผมอยากจะบอกว่ามันเป็นอะไรที่สนุกและท้าทายมากกกกก โดยเฉพาะถ้าใครไปกับเพื่อนซัก 4-5 คนนี่จะเป็นอะไรที่สนุกขึ้นไปอีกระดับเลยครับ
หมายเหตุ : กิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดิน ผมขอไม่เล่าลงรายละเอียดนะครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะให้ทุกคนได้ไปเรียนรู้ และเจอด้วยตัวเองมากกว่า
และหลังจากการเดินในความมืดมายาวนานกว่า 1 ชั่วโมง เราก็จะมาถึงห้องสุดท้ายที่เป็นการจำลองให้เราซื้อขนม เครื่องดื่ม และกินของเหล่านั้นในความมืดครับ ห้องนี้เป็นห้องที่ทำให้ผมประทับใจมากๆ และผมแนะนำเลยว่าใครที่อยากจะรู้อะไร สงสัยตรงไหนก็สอบถามไกด์ประจำกลุ่มของเราตรงนี้ได้เลย เค้าจะนั่งคุยกับเราไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่เค้าเห็นว่าสมควรครับ
โดยเมื่อเราพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางไกด์จะพาเรามาส่งที่ประตูทางออก ซึ่งในระหว่างการเดินทางมายังที่ประตูทางออกนี้ บริเวณทางเดินต่างๆ ก็จะเริ่มมีแสงไฟมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ตาของเราได้ปรับสภาพแสงก่อนที่จะไปเจอแสงสว่างตามปกติในโลกภายนอก และก่อนที่จะถึงประตูทางออกก็จะมีโต๊ะเล็กๆ ที่ให้เราเขียนถึงความรู้สึกที่มีต่อการเข้าชมที่นี่ รวมถึงกล่อง Tip Box ที่หากใครประทับใจในการดูแลของไกด์ประจำกลุ่มก็สามารถหยอดเงินไว้ที่นี่ได้เลยครับ

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อจริงๆ ว่า เพียงระยะเวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ กับการได้จำลองตัวเองให้กลายเป็นคนตาบอด ได้ลองใช้ชีวิตในอีกรูปแบบนึงที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว ชีวิตที่ปราศจากดวงตา ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย มันจะทำให้ความรู้สึกที่ผมมีต่อผู้พิการทางสายตาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่ง The Hidden Gems หรืออีกหนึ่งสถานที่ที่ผมอยากจะแนะนำเป็นพิเศษจริงๆ ครับ มันเป็นสถานที่ที่เร้นลับที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักแต่มีคุณค่ามากมายเมื่อเราได้เข้ามาสัมผัส โดยเฉพาะคนที่มากับเพื่อนประมาณ 4-5 คน มันจะเป็นอะไรที่สนุกสนานมาก ผมอยากให้ทุกคนลองเปิดใจแล้วมาที่นี่ซักครั้ง ระยะเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง กับเงิน 100 บาทที่เสียไป มันคุ้มค่ามากกับประสบการณ์ที่เราได้เรียนรู้ในวันนี้ครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ ใครที่สนใจอยากจะไปเยี่ยมชมที่นี่ก็เข้าไปดูรายละเอียดหรือติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้ตามช่องทางด้านล่างได้เลย ส่วนใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
Fanpage : Dialogue in the Dark – Thailand
โทร : 02-1605356
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้
Facebook Comments