สวัสดีทุกคนครับนี่ก็เป็นวันที่สามของผมกับต๋งแล้วที่เราเช่ารถขับเที่ยวชมใบไม้แดงในจังหวัด Fukushima (ฟุกุชิมะ) ประเทศญี่ปุ่น โดยใครที่ยังไม่ได้อ่านบทความของสองวันก่อนหน้านี้ก็สามารถกดอ่านตามลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ

และสำหรับวันนี้ผมกับต๋งจะพาทุกคนไปที่ Enzoji Temple (วัดเอนโซจิ) หนึ่งในวัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงของจังหวัด Fukushima โดยที่นี่เป็นวัดที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก โดยเฉพาะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งมักจะอยู่ในช่วงต้นเดือนจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปีครับ

Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดฟุกุชิมะ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ

ทำเลที่ตั้งของวัด Enzoji นั้นจะอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ที่มีแม่น้ำทาดามิ (Tadami) ที่สวยงามไหลผ่านด้านหน้าดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆคนถึงหลงรักและประทับใจวัดแห่งนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นครับ

สำหรับการเดินทางมายังวัดแห่งนี้เราจะสามารถเดินทางมาได้ 2 วิธีหลักๆ ด้วยกันดังนี้ครับ
 
วิธีที่1 : เดินทางด้วยรถไฟ สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Aizu-Yanaizu ได้เลย จากนั้นก็เดินเท้าต่ออีกประมาณ 700 เมตรก็จะถึงทางขึ้นวัดครับ โดยสถานี Aizu-Yanaizu นี้จะเป็นสถานีรถไฟที่อยู่ห่างจากสถานี Aizu-Miyashita ที่เราไปดูรถไฟข้ามแม่น้ำทาดามิบริเวณจุดชมวิวสะพาน Daiichi Kyouryou (ไดอิจิ เคียวเรียว) เพียงแค่ 23 นาทีเท่านั้น ดังนั้นใครที่วางแผนดีๆ ก็จะสามารถเที่ยวทั้งวัด Enzoji กับจุดชมวิวรถไฟสะพาน Daiichi Kyouryou ภายในวันเดียวกันได้เลยครับ
 
วิธีที่2 : เดินทางด้วยรถส่วนตัว สำหรับวิธีนี้ก็ง่ายๆ เลย เพราะเราสามารถพิมพ์คำว่า Enzoji Temple ลงใน Google Maps หรือ Navigator บนรถที่เราเช่ามาได้เลยครับ รับรองว่ามาถูกที่ไม่มีหลงแน่ๆ โดยในเรื่องที่จอดรถนั้นเราก็ไม่ต้องกังวลไปครับเพราะบริเวณใกล้ๆ กับวัดนั้นมีที่จอดรถเยอะเลย แถมไม่เสียค่าบริการในการจอดด้วย
 
นี่เป็นภาพของร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ กับวัดครับ ใครที่รีบเดินทางมาและยังไม่ได้กินอะไรมาก่อนก็สามารถฝากท้องไว้กับร้านเหล่านี้ได้
 
และนี่ก็คือหน้าตาของวัด Enzoji พระเอกของเราในวันนี้ครับ จะเห็นได้ชัดเลยใช่มั้ยครับว่าวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาเล็กๆ และเราจะต้องเดินขึ้นบันไดกัน ซึ่งก่อนที่จะเริ่มเดินขึ้นบันไดไปชมความสวยงามของวัดกันนั้นผมแนะนำให้ทุกคนเดินไปดูแผนที่และหินทรงกลมนี่มีไอร้อนๆ ที่ตั้งอยู่ด้านข้างบันไดแบบนี้ก่อนครับ เราจะได้พอรู้ข้อมูลของวัดแห่งนี้ และก็เจ้าหินทรงกลมนี้เป็นอะไรที่แปลกมากเพราะน้ำที่ไหลผ่านหินนี้นั้นจะมีความร้อนจนทำให้เกิดไอแบบที่ผมถ่ายรูปมาเลยครับ
นี่เป็นภาพระหว่างที่ผมกำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังวัดครับ วิวด้านซ้ายมือที่เป็นแม่น้ำทาดามินั้นมีความสวยงามมากๆ ใครที่ชอบถ่ายรูปนี้ถ่ายกันเพลินเลย ^^
ส่วนนี่เป็นภาพของบริเวณวัดที่เราจะได้เห็นหลังจากที่เราก้าวผ่านพ้นบันไดขั้นสุดท้ายครับ โดยจำนวนขั้นบันไดของการเดินขึ้นมาที่วัดนี้ไม่ได้เยอะมาก ใช้เวลาเดินแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้ว เดินชิลๆ สบายๆ
สำหรับประวัติคร่าวๆ ของวัด Enzoji ที่ผมว่าน่าสนใจก็คือวัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 807 หรือประมาณ 1,200 ปีก่อนครับ โดยนักบวชที่ชื่อ Tokuichi Daishi ซึ่งเป็นนักบวชที่มีชื่อเสียงมากในเมือง Aizu ในช่วงเวลานั้นได้เป็นผู้สร้างขึ้นมา และในอดีตนั้นวัดแห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นมาจากไม้ทั้งหมด รวมไปถึงโถงระเบียงของอาคารหลักที่ตั้งอยู่บนหน้าผานั้นก็สร้างขึ้นมาจากไม้เหมือนกันครับ เพียงแต่พอเวลาผ่านไปนับพันปีไม้หลายๆ ส่วนก็เริ่มมีการผุพังลง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเค้าก็เลยมีการเสริมคอนกรีตและโครงสร้างอื่นๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับโถงระเบียงไม้แห่งนี้ แต่ในส่วนอื่นๆ ของวัดนั้นยังคงมีความเป็นไม้เหมือนเช่นในอดีตครับ
หมายเหตุ : ภายในอาคารหลักของวัดนี้เราไม่สามารถถ่ายภาพได้นะครับ
และนอกจากวัด Enzoji นั้นจะเป็นวัดที่มีความสวยงามและเก่าแก่มากแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังเป็นที่กำเนิดของน้องวัวแดง Akabeko (อะคาเบโกะ) ซึ่งเป็นมาสคอตของเมือง Aizu-Wakamatsu (ไอซึวากามัตซึ) ด้วยครับ ดังนั้นทุกคนก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงมีรูปเจ้าวัวแดงที่วัดแห่งนี้ด้วย 
โดยประวัติความเป็นมาของเจ้าวัวแดง Akabeko นั้นมีการเล่าว่าในสมัยเริ่มแรกที่มีการก่อสร้างวัด Enzoji ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกเมือง Aizu-Yanaizu ได้ใช้วัวแดงจำนวนหนึ่งเป็นพาหนะเพื่อใช้ในการขนไม้ขึ้นไปบนยอดเขาโดยที่ไม่ได้ใช้พาหนะอื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือเลย และเมื่อวัด Enzoji แห่งนี้ก่อสร้างเสร็จวัวแดงเหล่านั้นก็ไม่ยอมจากไปที่อื่น ชาวบ้านเมือง Aizu-Yanaizu จึงมีความเชื่อว่าวัวแดงเหล่านั้นมีความจงรักภักดีและผูกพันกับวัดแห่งนี้ จึงได้ทำการยกย่องให้วัวแดงเหล่านั้นกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดีต่อเทพเจ้า และก็ได้เริ่มมีการนำเอารูปวัวแดงมาทำเป็นของที่ระลึกต่างๆ ภายในเมือง เช่น ตุ๊กตา, พวงกุญแจ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเมือง Aizu ก็ได้นำเจ้า Akabeko นี้เป็นมาสคอตประจำเมืองแบบที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ครับ ^^
หมายเหตุ : คำว่า Akabeko มาจากคำว่า Aka และ Beko โดยคำว่า Aka หมายถึงสีแดง และคำว่า Beko หมายถึงวัวครับ
ใครที่อยากจะชมวัดเก่าแก่สวยๆ ริมแม่น้ำพร้อมกับถ่ายรูปกับเจ้าวัวแดงอันโด่งดัง ณ สถานที่ที่เป็นบ้านเกิดมันก็อย่าลืมแพลนตัวเองมาเที่ยวที่วัด Enzoji แห่งนี้นะครับ โดยที่วัดนี้เค้าจะเปิดให้เราเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 6:00 น. – 17:00 น. (ยกเว้นในเดือน ธ.ค. – ก.พ. จะปิดตั้งแต่เวลา 16.30 น.) และในการเข้าชมนั้นเราจะสามารถเข้าชมได้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย
นอกจากนั้นที่นี่ยังมีรูปปั้นวัวแบบนี้อยู่ด้วยนะครับ ซึ่งอันนี้ผมเดาเอาเองว่าน่าจะเป็นรูปปั้นวัวแดงจริงๆ ก่อนที่จะถูกดัดแปลงมาเป็นเจ้า Akabeko แบบที่เราเห็นทุกวันนี้ โดยรูปปั้นวัวนี้ได้รับความสนใจจากคนญี่ปุ่นเยอะมาก แต่ละคนที่มาต้องเดินมาดู, ถ่ายรูป แล้วก็ลูบคลำส่วนต่างๆ ของวัว ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้ามีความเชื่อว่าอะไรกัน รู้แต่เพียงว่าส่วนไหนที่ถูกคนลูบคลำเยอะที่สุดครับ เห็นชัดเจนมาก เงาแว้บเลย ><
และภายในวัด Enzoji ยังมีอาคารเก่าแก่และสวนสวยๆ ให้เราเดินชมอีกด้วยนะครับ ใครที่ได้มาที่วัดแห่งนี้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนก็จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความสวยงามมากโดยในภาพที่ทุกคนเห็นผมถ่ายมานั้นเป็นการถ่ายในวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561 ซึ่งใบไม้ยังเปลี่ยนสีได้แค่ประมาณ 60% เท่านั้นครับ ใครที่ได้มาช่วงที่เปลี่ยนสี 80-90% ขึ้นไปบอกเลยว่าสวยกว่านี้อีกเยอะเลย
เอาล่ะ หลังจากที่เราชมเดินชมวัด Enzoji จนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว ก่อนที่เราจะเดินทางกลับหรือไปเที่ยวที่อื่นต่อ ผมขอแนะนำทุกคนว่าอย่าพึ่งรีบกลับนะครับ ให้เผื่อเวลาอีกซัก 20-30 นาทีเดินชมวิวบริเวณด้านล่างแถวๆ แม่น้ำทาดามิและสะพานสีแดงก่อน เพราะที่บริเวณนี้จะมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะเลย แถมยังมีรูปปั้นวัวแดง Akabeko ให้เราถ่ายอีกจุดนึงด้วยครับ
และตอนนี้ผมก็ได้พาทุกคนเดินเที่ยววัด Enzoji จังหวัด Fukushima รวมถึงบริเวณใกล้เคียงไปเรียบร้อยแล้ว ใครที่ชื่นชอบการเที่ยวชมวัดญี่ปุ่นเก่าแก่ มีวิวธรรมชาติสวยๆ และไม่ต้องการเจอกับนักท่องเที่ยวเยอะๆ ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจเลยครับโดยเฉพาะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน โดยระยะเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวที่นี่ก็คือประมาณ 1 – 1.30 ชั่วโมง และหากใครที่จัดสรรเวลาและแผนเที่ยวดีๆ ก็จะสามารถมาเที่ยววัดแห่งนี้พร้อมกับการไปชมรถไฟข้ามแม่น้ำทาดามิที่บริเวณจุดชมวิวสะพาน Daiichi Kyouryou (ไดอิจิเคียวเรียว) ได้เลยครับ บอกเลยว่าวิวที่จุดนี้สวยมากๆ และถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการมาเที่ยวจังหวัด Fukushima ที่เราไม่ควรพลาดเลย
ใครที่อยากจะอ่านข้อมูลการไปที่จุดชมวิวแห่งนี้ก็สามารถอ่านที่ลิงก์ข้างล่างนี้ได้เลยครับ แม้จะเดินทางไปลำบากนิดนึง และต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่มันก็คุ้มค่าในการไปครับ
ทั้งนี้ภาพที่ทุกคนในเซ็ตนี้นั้นเป็นภาพที่ผมถ่ายในวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ผมถ่ายภาพวัด Enzoji ครับ โดยคืนก่อนหน้านั้นผมนอนที่เมือง Aizumiyashita จากนั้นก็ตื่นตั้งแต่เช้าและขับรถไปรอถ่ายรูปรถไฟที่จุดชมวิว แล้วค่อยขับรถมาที่วัด Enzoji ครับ ใครที่เช่ารถขับแบบผมก็สามารถใช้แผนเดียวกันเลยก็ได้ แต่ถ้าใครนั่งรถไฟก็อาจจะต้องเช็คเวลารถไฟและวางแผนการเดินทางให้เหมาะกับตัวเองนะครับ
และสำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักสไตล์เรียวกังใกล้ๆ กับสถานี Aizumiyashita อยู่ ก็ลองดูเรียวกังที่ผมพักก็ได้ครับ เป็นเรียวกังที่ผมว่าห้องกว้าง, อาหารอร่อย และราคาไม่แพงเลย ที่สำคัญยังอยู่ใกล้สถานีมากด้วยครับ ใครสนใจก็กดอ่านที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
Okuaizu Nonbirikan
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบครับ และเดี๋ยวบทความหน้าผมจะพาทุกคนไปเที่ยวที่เขื่อนทาโกะคุระ (Tagokura Dam) ในเมืองทาดามิ (Tadami) ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวที่ผมกับต๋งประทับใจเป็นลำดับต้นๆของทริปนี้เลยครับ ใครที่ไม่อยากพลาดก็กดติดตามแฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ไว้ได้เลย แล้วพบกันในบทความหน้า สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ