สวัสดีทุกคนครับ วันนี้ผม นาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปที่ Inawashiro Herb Garden (อินะวะชิโระ เฮิร์บ การ์เด้น) ซึ่งเป็นสวนดอกไม้ที่อยู่บริเวณทะเลสาบอินะวะชิโระ (Inwashiro Lake) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) โดยจุดเด่นมากๆ ของสวนดอกไม้แห่งนี้ก็คือเค้าเปิดให้เข้าชมฟรี และมีการเปลี่ยนประเภทของดอกไม้ไปตามฤดูกาลด้วยครับ!!

Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดฟุกุชิมะ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ

สำหรับการเดินทางมาที่สวนแห่งนี้ก็ไม่ยาก คนที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถที่จะมาได้ครับ เพียงแต่ต้องดูเวลาการให้บริการของรถไฟและรถบัสให้ดีๆ เท่านั้นเอง โดยเราสามารถเริ่มต้นเดินทางสถานีรถไฟใดก็ได้เพื่อมาลงที่สถานี Inawashiro จังหวัด Fukushima แต่ถ้าให้ผมแนะนำผมคิดว่าการเริ่มเดินทางจากเมือง Aizu-Wakamatsu (ไอซึวากามัตซึ) จังหวัด Fukushima จะเป็นอะไรที่ดีกว่าครับ เพราะเมือง Aizu-Wakamatsu นั้นเป็นเมืองขนาดใหญ่ มีที่พักและที่เที่ยวเยอะ รวมทั้งยังใช้เวลานั่งรถไฟจากสถานี Aizu-Wakamatsu มาที่สถานี Inawashiro เพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้นเอง

และเมื่อเราเดินทางมาถึงสถานี Inawashiro แล้ว สิ่งที่เราจะเจอเป็นอย่างแรกก็คือรูปภาพของ Dr.Noguchi Hideyo (ดร.โนงูจิ ฮิเดโยะ) บุคคลสำคัญของโลกที่ค้นพบสาเหตุของโรคซิฟิลิสและเชื้อโรคต่างๆ อีกมากมาย โดยบุคคลท่านนี้เป็นบุคคลที่สู้ชีวิตสุดๆ จากเด็กในชนบทที่ห่างไกลและประสบปัญหามือซ้ายพิการจนต้องตัดนิ้วทิ้ง แต่ก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ตั้งใจเรียนและมุมานะสู้กับปัญหาต่างๆ จนในที่สุดก็ได้รับการยอมรับในระดับโลกและถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลครับ ซึ่งเมือง Inawashiro แห่งนี้ก็คือบ้านเกิดของท่านนั่นเอง ใครที่ชื่นชอบหรือรู้จักกับท่านก็อย่าลืมถ่ายรูปกับท่านด้วยนะครับ ^^

ส่วนใครที่อยากจะรู้เรื่องราวของท่านแบบละเอียด หรืออยากไปดูลักษณะความเป็นอยู่ของท่านในสมัยก่อนก็สามารถไปที่ Dr.Noguchi Hideyo Memorial Museum ได้เลย ในพิพิธภัณฑ์นั้นจะมีการจำลองบ้านของท่านรวมทั้งมีเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย เพียงแต่ถ้าใครจะไปที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วยก็อาจจะต้องเผื่อเวลาการเที่ยวเพิ่มซัก 2-3 ชั่วโมงนะครับ แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าจะไปดีมั้ย ก็สามารถไปอ่านรีวิวที่ผมเคยเขียนถึงพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ตามลิงก์ข้างล่างนี้เลยครับ

เอาล่ะ คราวนี้เรามาดูส่วนอื่นๆ ในสถานี Inawashiro กันต่อดีกว่า สถานี Inawashiro นั้นเป็นสถานีรถไฟที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักแต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างร้านสะดวกซื้อ, ห้องน้ำ, ล็อคเกอร์, ห้องอุ่น รวมถึงตู้กดน้ำอัตโนมัติไว้บริการอย่างครบครัน ดังนั้นใครที่ต้องมานั่งรอนานๆ หรือไม่อยากจะแบกของไปเที่ยวด้วยก็ไม่ต้องกังวลใจอะไรมากครับ เพราะเราสามารถฝากของในตู้ล็อคเกอร์ได้

ถัดมาเรามาดูที่บริเวณหน้าสถานีกันดีกว่า ที่บริเวณหน้าสถานีนั้นจะมีรถแท็กซี่คอยบริการอยู่แทบจะตลอดทั้งวัน ส่วนทางด้านซ้ายมือนั้นจะเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่จะมีข้อมูลต่างๆ ของสถานที่เที่ยวในเมือง Inawashiro ไว้ให้เราได้ศึกษา รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลและแจกโบรชัวร์ต่างๆ ครับ ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ดีงามเลย ผมมาที่เมืองนี้ 2 ครั้งก็ได้ไปใช้บริการทั้งสองครั้ง เจ้าหน้าที่เค้าใจดีและสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีระดับนึงเลย

นี่เป็นหน้าตาของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ ด้านในจะมีโบร์ชัวร์สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองนี้แจกเพียบ โดยรอบนี้ผมได้เข้าไปสอบถามเรื่องเที่ยวของรถบัสที่จะให้บริการจากสถานี Inawashiro ไปยัง Inawashiro Herb Garden โดยสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวนั้นหากเราต้องการไปที่ Inawashiro Herb Garden เราจะต้องใช้บริการรถรับส่งของโรงแรม Listel Inawashiro Hotel ครับ จากนั้นก็เดินต่ออีกประมาณ 200-300 เมตร โดยค่าบริการของรถนี้จะอยู่ที่ 200 เยน/คน/เที่ยว และมีรอบบริการจากสถานี Inawashiro ตามเวลาดังต่อไปนี้

  • 9.15 น.
  • 10.30 น.
  • 11.25 น.
  • 12.35 น.
  • 14.30 น.
  • 15.45 น.
  • 16.30 น.

ใครที่ต้องการนั่งรถบัสนี้ก็ดูเวลาให้ดีๆ นะครับ โดยจุดในการขึ้นรถบัสนั้นจะอยู่ทางขวามือของเราหลังจากที่เราเดินออกจากสถานีมา รถบัสจะเป็นรถสีเขียวๆ เขียนด้านข้างรถว่า Listel Inawashiro Hotel และผมแนะนำว่าให้ทุกคนออกมายืนรอรถล่วงหน้าประมาณ 5 นาทีนะครับ จะได้ไม่พลาดรถไป

เมื่อเราขึ้นรถแล้วเราจะใช้เวลานั่งรถประมาณ 10 นาที จากนั้นก็จะมาถึงที่หน้าโรงแรม Listel Inawashiro Hotel ซึ่งจากจุดนี้เราจะต้องเดินต่อไปยัง Inawashiro Herb Garden ครับ โดยระยะทางจากหน้าโรงแรมไปนั้นก็ไม่ไกลมาก ใช้เวลาเดินแค่ 3-4 นาทีก็ถึงแล้ว

โดยตำแหน่งที่ตั้งของ Inawashiro Herb Garden นั้นจะอยู่บริเวณด้านหลังของโรงแรม เราแค่เดินอ้อมด้านซ้ายของโรงแรมไปเรื่อยๆ จากนั้นก็จะเห็นทางเข้าของ Inawashiro Herb Garden ที่มีหน้าตาแบบนี้ครับ

อ้อ……แต่ก่อนที่เราจะเดินออกมาจากบริเวณหน้าโรงแรม Listel Inawashiro Hotel นั้น ผมขอแนะนำให้ทุกคนถ่ายรูปและดูเวลาของรถบัสขากลับไปสถานีให้ดีๆ ก่อนนะครับ โดยรอบการให้บริการของเค้าจะมีตามรูปนี้เลย

หมายเหตุ : สำหรับรอบเวลา 8.20 น., 12.00 น. และ 16.05 น. ที่เป็นตัวอักษรสีน้ำเงินนั้น จะเป็นรอบรถบัสที่มีบริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้นครับ สำหรับใครที่ไปวันธรรมดาจะมีรถบริการเฉพาะที่เป็นตัวอักษรสีดำ ยังไงก็ดูเวลากันให้ดีๆ นะครับ จะได้ไม่พลาดรถแล้วต้องขึ้นแท็กซี่แบบผม เพราะค่าแท็กซี่มันแพงมากเลย T_T

เมื่อดูเวลารถกลับเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราเข้าไปเดินเล่นกันใน Inawashiro Herb Garden กันต่อดีกว่า โดยสิ่งแรกที่เราจะเห็นเมื่อก้าวเข้าไปในพื้นที่ของ Inawashiro Herb Garden ก็คืออาคารเล็กๆ ทางซ้ายมือแล้วก็ลานจอดรถสุดกว้างขวางทางขวามือของเราครับ ดังนั้นใครที่ขับรถมาเองก็ไม่ต้องกลัวเรื่องที่จอดรถเลย พื้นที่จอดรถเค้าเหลือเฟือมาก

ที่บริเวณด้านหน้าของอาคารจะมีป้ายเล็กๆ ติดอยู่หลายใบ ซึ่งเนื้อหาโดยส่วนมากจะบอกว่าระหว่างวันนี้จนถึงวันนี้จะมีดอกไม้อะไรให้เราดู และในช่วงเดือนอื่นๆ ของปีจะมีดอกไม้อะไรบ้าง เพราะทาง Inawashiro Herb Garden จะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนประเภทการปลูกไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีป้ายที่บอกด้วยว่าภายในอาคารนี้เค้าจะมีห้องน้ำ, ร้านขายของที่ระลึก แล้วก็ร้านอาหารบริการด้วยนะ ใครที่หิวๆ หรืออยากได้ของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับบ้านก็สามารถแวะเวียนมาใช้บริการได้

นี่เป็นหน้าตาของภายในอาคารครับ บริเวณที่ขายของที่ระลึกนั้นมีพื้นที่ใหญ่ดี มีของให้เลือกซื้อเยอะ แล้วก็ยังมีโซนที่เป็นโซนสำหรับเด็กๆ ด้วย ใครที่พาลูกพาหลานมาหรือเป็นคนที่ชอบตู้คีบตุ๊กตา ตู้กาชาปองน่าจะถูกใจกันพอควรครับ

ส่วนนี่เป็นโซนอาหารครับ มีพื้นที่รองรับคนได้ประมาณ 30 คน อาหารมีให้เลือกทานหลายอย่างเลย รสชาติอาหารก็ใช้ได้ ราคาก็อยู่ในระดับปกติคือ 800 – 900 เยน แต่ด้วยความที่เค้ามีพนักงานดูแลตรงนี้แค่ไม่กี่คน ดังนั้นหากมีคนมาใช้บริการพร้อมๆ กัน 5-6 คนขึ้นไป เราก็จะต้องใช้เวลาในการรออาหารนานเหมือนกันครับ T_T

ใครที่อยากจะทานอาหารก็ดูเวลาดีๆ ก่อนนะครับว่าใกล้ถึงเวลาที่รถบัสจะกลับสถานี Inawashiro แล้วหรือยัง หากเหลือเวลาไม่ถึง 30 นาทีและมีคนสั่งอาหารไปก่อนหน้าเรา ผมแนะนำให้กลับไปซื้อขนมปังทานที่สถานี Inawashiro จะดีกว่าครับ เพราะหากเรารออาหารเราจะมีโอกาสตกรถบัสสูงมาก

ทั้งนี้ที่บริเวณข้างๆ ประตูทางเข้าออกของอาคารนี้จะมีป้ายบอกเวลาให้เรารู้ด้วยนะครับว่าหากเราต้องการไปขึ้นรถที่หน้าโรงแรม Listel Inawashiro Hotel เพื่อกลับสถานี Inawashiro เราจะต้องออกจากที่สวนแห่งนี้ตอนไหน โดยเค้าจะเผื่อเวลาในการเดินให้เรา 7 นาที และอย่าลืมนะครับว่าสำหรับเวลาที่เป็นตัวอักษรสีแดงและมีเครื่องหมาย * กำกับอยู่นั้นจะเป็นรถที่บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น

สำรวจภายในอาคารเสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาที่เราจะเข้าไปสำรวจสวนและชมดอกไม้สวยๆ กันแล้วครับ โดยทางเข้าสวนนั้นจะอยู่บริเวณทางขวามือของเคาน์เตอร์คิดเงิน เราสามารถเปิดประตูเข้าไปเองได้เลย ไม่ต้องเสียค่าบริการหรือแจ้งพนักงานอะไรเลยครับ โดยเมื่อเราก้าวผ่านประตูเข้าไปแล้ว สิ่งแรกที่เราจะเห็นก็คือสวนดอกไม้ในร่มขนาดเล็กที่มีดอกไม้หลายประเภทให้เราดู แล้วก็มีจุดถ่ายรูปสวยๆ หลายจุดเลยครับ โดยในช่วงที่ผมกับต๋งไปนั้นจะเป็นช่วงใกล้ๆ กับเทศกาลฮาโลวีนพอดี ดังนั้นทางสวนก็เลยตกแต่งบรรยากาศตามจุดต่างๆ ให้ออกมาในธีมของฮาโลวีนครับ

สำหรับหมวกปีกกว้างที่เห็นต๋งใส่ในรูปข้างบนนั้นจะเป็นหมวกของทางสวนนะครับ เค้าจะมีบริการให้เราหยิบไปใส่ฟรีๆ โดยจะวางไว้ข้างๆ ประตูทางเข้าออกเลย

.

.

พอหยิบมาใส่ปุ๊บก็ได้บรรยากาศของความเป็นสาวชาวไร่ขึ้นมาทันที ><

ส่วนนี่จะเป็นเครื่องดูลายมือครับ ใครสนใจก็สามารถเอามือแหย่เข้าไปได้ เพียงแต่ว่าเราจะต้องหยอดเหรียญแล้วก็ฟังภาษาญี่ปุ่นออกด้วยนะครับ ไม่งั้นเราจะไม่รู้เรื่อง ><

ภายในบริเวณ Indoor นี้จะมีดอกไม้สวยๆ แล้วก็จุดถ่ายรูปต่างๆ ให้เราถ่ายหลายจุดเลยครับ ที่สำคัญไม่ร้อนด้วย ใครที่พานางแบบมาด้วยหรือเป็นคนที่ชอบดอกไม้น่าจะใช้เวลาถ่ายรูปกันได้เพลินๆ เลย

และเมื่อเราชมความสวยงามของ Inawashiro Herb Garden บริเวณ Indoor เสร็จแล้ว คราวนี้เราก็จะเจอกับประตูทางออกเพื่อไปยังบริเวณ Outdoor ครับ ซึ่งบริเวณทางออกนี้ทางสวนเค้าจะมีการเตรียมร่มไว้ให้เรายืมไปใช้ด้วย เราจะได้ไม่ต้องผจญกับแดดหรือฝนตรงๆ ครับ อย่างวันที่ผมกับต๋งไปนั้นเราก็เจอกับฝนปรอยๆ ตลอดเวลา แต่โชคดีที่เราได้ร่มจากทางสวนเราก็เลยพอจะเดินเล่นและถ่ายรูปได้บ้างครับ

ยังไงใครที่หยิบเอาไปใช้ก็อย่าลืมเอามาคืนตอนเดินกลับด้วยนะครับ คนอื่นจะได้มีใช้ต่อกันไปเรื่อยๆ ^^

ที่บริเวณ Outdoor นี้จะเป็นพื้นที่กว้างที่มีดอกไม้ต่างๆ เต็มไปหมดเลยครับ นอกจากนี้เค้ายังมีการนำรูปปั้นของ 12 นักษัตรมาวางประดับไว้ตามที่ต่างๆ ด้วย ใครเกิดปีอะไรก็ลองเดินตามหาดูนะครับว่าสัตว์ตามปีเกิดของตัวเองนั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง

และในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2561 ที่ผมกับต๋งไปนั้น ที่ Inawashiro Herb Garden จะมีดอกไม้อยู่สองชนิดที่ถือเป็นพระเอกของสวนแห่งนี้นั่นก็คือ ดอกโคเคียสีแดงสด แล้วก็ดอกคอสมอสสีชมพูและขาวแสนสวยงามครับ โดยดอกไม้ทั้งสองชนิดนี้จะอยู่ที่โซนไกลสุดเลย แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เพราะทางสวนจะมีป้ายบอกทางไว้และเส้นทางเดินไปนั้นก็ไม่ได้ไกลมาก เพียงแต่เราอาจจะต้องสังเกตป้ายดีๆ เท่านั้นเอง

ผมให้ดูภาพของทุ่งดอกโคเคีย (Kochia) ก่อนนะครับ ที่ Inawashiro Herb Garden นั้นเค้าปลูกไว้เยอะเลย โดยจะปลูกเป็นแถวเป็นแนวและมีความเป็นระเบียบ ส่วนสีของดอกนั้นจะมีปะปนกันไปทั้งแดงสดแล้วก็แดงแบบใกล้โรยราแล้ว ซึ่งอันนี้ผมเดาเอาเองว่าผมกับต๋งคงมาในวันที่สภาพอากาศไม่ดีและมาช้าไปซักหน่อย หากเรามาเร็วกว่านี้ซัก 1 อาทิตย์สีของดอกโคเคียน่าจะแดงสดเกือบทั้งหมดครับ

ที่แปลงดอกโคเคียนี้จะมีอยู่มุมนึงที่หากเราถ่ายไปมันจะติดภูเขาที่ด้านหลังด้วยนะครับ ซึ่งผมว่ามุมนี้เป็นมุมที่สวยงามดี ใครที่มีโอกาสไปในวันที่ท้องฟ้าแจ่มๆ ก็อย่าลืมที่จะถ่ายภาพมาด้วยนะครับ

ถัดมาเรามาดูทุ่งดอกคอสมอส (Cosmos) ที่อยู่ข้างๆ กันดีกว่า โดยทุ่งนี้เราจะสามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปด้านในได้นะครับ แต่ตอนที่เราเดินเข้าไปนั้น เราจะต้องเดินไปตามทางเดินระหว่างแถวและระมัดระวังไม่ไปเหยียบหรือทำลายดอกไม้ของเค้านะครับ

ผมบอกเลยว่าใครที่พาสาวๆ มาด้วย พอเค้าได้มาเจอทุกดอกคอสมอสสวยๆ แบบนี้ รับรองว่ามีกรี้ดและขอให้คุณถ่ายรูปรัวๆ เลยล่ะครับ ^^

และหลังจากที่เราเที่ยวชมความงามทั้งในส่วน Indoor และ Outdoor ของ Inawashiro Herb Garden เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับสถานี Inawashiro กันแล้วครับ โดยวิธีกลับก็ง่ายๆ เพียงแค่เราเดินย้อนกลับมาที่บริเวณหน้าโรงแรม Listel Inawashiro Hotel จากนั้นก็รอรถบัสรับส่งของโรงแรมตามเวลาที่เค้าระบุไว้ และจ่ายเงิน 200 เยน/คน เพียงเท่านี้เราก็กลับมาที่สถานีได้แบบสวยๆ สบายกระเป๋าแล้วครับ

แต่ถ้าใครเกิดพลาดเที่ยวรถบัสแบบผม หรือมีเหตุจำเป็นที่ต้องรีบกลับด่วน ไม่สามารถรอเที่ยวรถบัสได้ ก็สามารถให้ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมเรียกรถแท็กซี่มารับเราได้ครับ ใช้เวลารอไม่เกิน 10 นาทีรถแท็กซี่ก็จะมารับเราไปส่งที่สถานีพร้อมกับค่ารถประมาณ 2,000 – 2,200 เยน บอกเลยว่าค่าแท็กซี่ที่ญี่ปุ่นแพงมาก ถ้าไม่จำเป็นอย่านั่งเลยครับ รอรอบรถบัสถูกกว่ากันเยอะ T_T

ส่วนใครที่อยากจะมาที่สวนแห่งนี้แล้วเจอทั้งดอกโคเคียกับดอกคอสมอสแบบที่ผมกับต๋งเจอ ผมแนะนำให้มาช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนะครับ หรือถ้าใครไม่สะดวกมาช่วงนี้ก็สามารถที่จะมาในเดือนอื่นๆ ได้ เพียงแต่ประเภทของดอกไม้จะเปลี่ยนแปลงไป โดยสวนแห่งนี้จะเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 17.00 น. ครับ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเดินทางไปยังสถานที่แห่งนี้สะดวกขึ้นนะครับ และสำหรับใครที่อยากจะติดตามเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมกับต๋งอย่างใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลย แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ได้ไปลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากนี้ได้ครับ