และแล้วตอนนี้ก็เดินทางมาถึงวันที่สี่ของการเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองของผมกับต๋งแล้วนะครับ โดยวันนี้พวกเราทั้งสองคนจะพาทุกคนไปที่เมือง Tadami (ทาดามิ) จังหวัด Fukushima (ฟุกุชิมะ) เพื่อไปชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีและธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่มีความบริสุทธิ์มาก โดยจุดหมายสำคัญในการมาเที่ยวเมือง Tadami ของเราทั้งคู่ในครั้งนี้นั่นก็คือ Tagokura Dam (เขื่อนทาโกะคุระ) ที่มีความสวยงามตามภาพด้านล่างนี้นั่นเองครับ

Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดฟุกุชิมะ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ

เป็นยังไงล่ะครับ ทัศนียภาพของมันสวยมากเลยใช่มั้ยล่ะครับ และเพราะความสวยงามแบบนี้นี่เองจึงทำให้ผมถึงกับยกให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ผมประทับใจที่สุดในการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฟุกุชิมะในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2561 เลย

และสำหรับใครที่อยากจะมาเยี่ยมชมความสวยงามของเขื่อนแห่งนี้ ผมต้องขอบอกให้ทราบก่อนนะครับว่าแม้เราจะสามารถเดินทางมาที่เมือง Tadami ด้วยรถไฟได้ แต่ในการที่เราจะเดินทางต่อจาก Tadami Station ไปยังเขื่อน Tagokura ได้นั้น เราควรจะต้องมีรถส่วนตัวนะครับ เพราะตัวเขื่อนจะอยู่ห่างจากสถานี Tadami Station ประมาณ 5.5 กิโลเมตร และตอนนี้เค้ายังไม่มีรถสาธารณะให้บริการ นอกจากนี้เส้นทางในการไปเขื่อนช่วงหลังๆ ยังเป็นการขึ้นเขาอีกด้วย โดยเฉพาะเส้นทางการไปดูวิวจากมุมสูงที่อยู่เหนือสันเขื่อนขึ้นไปอีก ดังนั้นการที่เราจะเดินเท้าไปกลับเองก็เป็นอะไรที่ยากมากๆ และผมไม่ขอแนะนำให้ทำแบบนั้นเลยครับ

แต่สำหรับคนที่มีรถส่วนตัวนั้นก็ไม่ต้องมีอะไรที่เป็นกังวลเลย เพราะเราสามารถเดินทางมาที่เขื่อนแห่งนี้ได้สะดวกมากๆ เพียงแค่เราใส่ชื่อ Tagokura Dam ลงใน Google Maps หรือใส่ Mapcode : 604 214 017*82 ลงในนาวิเกเตอร์บนรถที่เราเช่ามา จากนั้นก็ขับรถจากเมือง Tadami ไปตามทางมาเรื่อยๆ ไม่เกิน 10 นาทีเราก็จะมาถึงจุดแรกที่เราสามารถเห็นตัวเขื่อนได้ชัดๆ แล้วครับ

ทั้งนี้สำหรับใครที่ไม่มีรถส่วนตัว แต่อยากจะมาเที่ยวเมือง Tadami ซักครั้ง ผมแนะนำว่าให้แพลนมาเที่ยวช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์แทนนะครับ เพราะที่เมืองนี้เค้าจะมีเทศกาลหิมะที่มีความสวยงามและอลังการมาก โดยหากใครอยากอ่านเรื่องราวเต็มๆ ที่ผมเคยเขียนถึงการมาเที่ยวเทศกาลหิมะที่เมืองนี้ก็สามารถกดอ่านได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ได้เลยครับ

หรือหากคุณเป็นคนที่ไม่มีรถส่วนตัวแต่อยากจะไปเยี่ยมชมเขื่อน Tagokura จริงๆ ผมก็มีอีกวิธีนึงแนะนำครับนั่นก็คือการใช้บริการรถ Taxi จากบริเวณสถานี Tadami แต่ทั้งนี้เราควรจะต้องขอช่องทางในการติดต่อรถ Taxi เพื่อให้เค้ามารับกลับไว้ด้วย และเราควรจะไปชมวิวแค่บริเวณสันเขื่อนพอครับ ไม่ต้องขึ้นไปยังจุดชมวิวอื่นๆ ต่อ ไม่งั้นเดี๋ยวค่ารถ Taxi จะแพงมากจนเกินไป

เอาล่ะ คราวนี้เรากลับมาดูที่จุดแรกที่เรามองเห็นเขื่อน Tagokura กันดีกว่า โดยที่จุดนี้จะยังคงเป็นบริเวณพื้นราบอยู่ แต่หลังจากนี้เราจะต้องขับรถขึ้นเขากันไปยาวๆ เพื่อไปยังสันเขื่อนและจุดชมวิวที่อยู่บนภูเขาสูงขึ้นไปอีก ซึ่งที่จุดนี้จะเป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นสันเขื่อนและประตูระบายน้ำได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยังมีห้องน้ำบริการ และมีจุดจำหน่ายอาหารและของที่ระลึกด้วยครับ

ใครที่พึ่งเคยมาครั้งแรกผมแนะนำให้จอดรถถ่ายรูปบริเวณนี้ก่อนนะครับ ลานจอดรถเค้ากว้างขวางและมีจุดถ่ายรูปสวยๆ หลายจุดเลย โดยเฉพาะใครที่มาตอนเช้าหรือตอนเย็นจะมีโอกาสได้เห็นแสงสวยๆ และเก็บภาพเด็ดๆ ได้มากกว่าคนอื่นครับ สำหรับผมเองก็ได้มาที่นี่ทั้งตอนเช้าและตอนเย็นเลย โดยภาพเหล่านี้คือภาพที่ผมถ่ายได้ในช่วงเช้าครับ

ส่วนภาพเหล่านี้คือภาพที่ผมถ่ายที่จุดเดียวกันนี้แต่เป็นช่วงเย็นซึ่งมีแสงหยอดลงที่บริเวณภูเขาพอดีครับ จะเห็นว่าภาพที่ได้จะคนละมุม คนละอารมณ์กันเลย ดังนั้นใครที่มาพักค้างคืนที่เมืองนี้ผมแนะนำให้ขับรถมาที่เขื่อนแห่งนี้ทั้งสองช่วงเวลาเลยนะครับ เพราะมันใช้เวลาขับรถแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่ถ้าใครที่มีเวลาจำกัดก็คงต้องเลือกนะครับว่าจะมาตอนไหนดีถึงจะเหมาะสมกับทริปของตัวเองที่สุด

หลังจากชมวิวที่จุดแรกกันจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาที่เราจะขับรถไปยังจุดที่สอง โดยเส้นทางหลังจากนี้จะเป็นเส้นทางขึ้นเขาเรื่อยๆ รวมทั้งยังมีความคดเคี้ยวไปมาด้วย ดังนั้นเราจึงต้องมีความระมัดระวังในการขับรถเป็นอย่างสูงนะครับ โดยเมื่อเราขับรถมาตามทางเรื่อยๆ ได้ประมาณ 10 นาที เราก็จะมาถึงลานจอดรถที่มีหน้าตาแบบนี้ครับ และนี่ก็คือบริเวณสันเขื่อนของ Tagokura Dam นั่นเอง

สำหรับลานจอดรถบริเวณสันเขื่อนนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 จุด สามารถรองรับรถได้ประมาณ 60-70 คัน ใครที่ขับรถมาถึงแล้วหากพบว่าลานจอดรถด้านบนเต็มก็ลองเลี้ยวลงไปลานจอดด้านล่างได้นะครับ ผมว่าที่จอดรถเค้าน่าจะเพียงพออยู่ ^^

ที่จุดนี้จะเป็นจุดที่มีที่ให้ถ่ายรูปเยอะมาก โดยเฉพาะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแบบที่ผมกับต๋งมา โดยเราสามารถเดินไปยังบริเวณสันเขื่อนหรือเดินขึ้นไปยังดาดฟ้าของอาคารได้ด้วย ยังไงก็ลองเดินสำรวจให้ทั่วๆ นะครับ จะได้ไม่พลาดมุมเด็ดๆ ไป

สำหรับวันที่ผมกับต๋งถ่ายภาพในเซ็ตนี้นั้นจะเป็นวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2561 ซึ่งตามปกติแล้วในช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีจะมีการเปลี่ยนสีได้ประมาณ 90-100% แล้ว แต่เหมือนปีนี้สภาพอากาศจะแตกต่างออกไปจากทุกปี ทำให้หลายๆ โซนนั้นใบไม้มีการเปลี่ยนสีช้ากว่าปกติ ซึ่งผมคาดคะเนเอาเองว่าวันที่ผมนั้นใบไม้เปลี่ยนสีที่เขื่อน Tagokura น่าจะเปลี่ยนได้ประมาณ 70-80% เท่านั้นครับ แต่อย่างไรก็ตามผมว่าภาพที่ผมได้เห็นในวันนั้นมันก็สวยมากๆ แล้ว และมันก็ทำให้ผมประทับใจจนถึงทุกวันนี้เลยครับ ^^

อ้อ ผมลืมบอกไปเรื่องนึงนะครับว่าวันที่ผมกับต๋งไปที่เขื่อน Tagokura นั้น สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจให้เราทั้งคู่อีกแล้ว T_T เราเจอฝนตกและท้องฟ้าอึมครึมรวมถึงเมฆหนาทึบแทบจะตลอดเวลา โดยเราใช้เวลาอยู่ที่เขื่อนแห่งนี้ทั้งช่วงเช้าและเย็นรวมกันประมาณ 6-7 ชั่วโมงได้ แต่มันมีช่วงเวลาที่ท้องฟ้าเปิดแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเองครับ ดังนั้นใครที่ได้มีโอกาสไปที่นี่ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ ผมรับรองเลยว่าจะได้ภาพสวยๆ กว่านี้อย่างแน่นอนครับ

ชมวิวกันที่บริเวณสันเขื่อนกันจนจุใจแล้ว ก่อนที่เราจะเดินทางไปยังจุดอื่นต่อ ผมขอแนะนำให้รู้จักกับสองอาคารที่อยู่ในบริเวณสันเขื่อนนี้ก่อนนะครับ โดยอาคารแรกจะเป็นอาคารเล็กๆ ที่อยู่บริเวณลานจอดรถชั้นบน ที่อาคารนี้จะมีขนมแล้วก็ผักผลไม้ต่างๆ จำหน่าย ใครที่พอมีเวลาหรืออยากจะหาอะไรทานเล่นๆ ก็แวะมาเดินดูได้ครับ ขนมหลายอย่างดูน่าอร่อยดี

ส่วนอาคารหลังที่สองนั้นจะเป็นอาคารสองชั้นที่อยู่บริเวณลานจอดรถชั้นล่าง ที่ชั้นหนึ่งของอาคารจะมีร้านขายขนมแล้วก็ของที่ระลึกเล็กน้อย ส่วนที่ชั้นสองจะเป็นจุดจำหน่ายอาหารครับ ใครที่หิวข้าวหรือไม่ได้เตรียมเสบียงอะไรมาก็สามารถที่จะมาทานข้าวที่นี่ได้ ราคาไม่แพง แต่เค้าจะมีบริการเฉพาะเวลา 11.00 น. – 14.00 น. เท่านั้นนะครับ หากมานอกเหนือจากเวลานี้ก็อดกิน ><

ส่วนใครที่ไม่อยากกินอะไรหนักๆ อยากทานแค่เครื่องดื่มเติมความสดชื่นก็สามารถหยอดตู้เครื่องดื่มอัตโนมัติที่อยู่ข้างๆ อาคารนี้ได้เลยครับ

เอาล่ะ ตอนนี้หลายๆ คนก็น่าจะเติมพลังกันจนเต็มท้องและพร้อมที่จะเดินทางต่อกันแล้วใช่มั้ยครับ งั้นอย่ารอช้ารีบขึ้นรถแล้วตามผมมาได้เลย โดยจุดที่ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวหลังจากนี้จะเป็นการขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เพื่อชมความงามของเขื่อน, ภูเขา และธรรมชาติจากมุมสูงครับ เส้นทางจะเป็นเส้นทางขึ้นเขาที่มีความคดเคี้ยวตลอด รวมทั้งต้องมีการขับรถผ่านอุโมงค์ยาวๆ เป็นระยะด้วย ยังไงก็ขับรถด้วยความระมัดระวังและอย่าลืมเปิดไฟหน้ารถทุกครั้งที่ขับรถเข้าอุโมงค์นะครับ ^^

ทั้งนี้อุโมงค์บางจุดนั้นจะเป็นอุโมงค์ที่ไม่ได้ปิดทึบและจะมีแสงจากด้านข้างเข้ามาได้ ซึ่งอุโมงค์เหล่านี้เราจะสามารถเดินมาดูวิวรวมทั้งถ่ายรูปได้ครับ หลายๆ จุดวิวสวยมากเลย แต่ทั้งนี้เราจะต้องจอดรถในจุดที่เค้าทำเป็นลานจอดไว้เท่านั้นนะครับ จากนั้นก็เดินเท้าย้อนกลับมาเอา และผมขอย้ำเลยนะครับว่าอย่าจอดรถข้างทางนอกจุดจอดรถโดยเด็ดขาด แม้ว่าวิวมันจะสวยหรือจะทำให้เราเดินใกล้กว่าเดิมแค่ไหน เพราะการจอดรถแบบนั้นมันเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ ครับ

ภาพเหล่านี้เป็นวิวระหว่างทางที่ผมกับต๋งขับรถขึ้นไปบนยอดเขาเรื่อยๆ ครับ บอกเลยว่าวิวมันสวยมาก โดยรูปศาลเจ้าสองรูปแรกนั้นจะเป็นศาลเจ้าที่อยู่ใกล้ๆ กับลานจอดรถบริเวณสันเขื่อนเลย เพียงเราขับรถออกมาจากลานจอดแล้วเข้าอุโมงค์แรก และพอพ้นอุโมงค์ปั๊บเราก็จะเจอกับศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ทางซ้ายมือของเราเลย ใครที่มีเวลาก็แวะไปถ่ายรูปหรือขอพรได้นะครับ

ส่วนภาพด้านล่างนี้เป็นภาพจากจุดที่ผมชอบมากๆ มันจะเป็นมุมที่เราสามารถเห็นเทือกเขาที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี และมีแม่น้ำเล็กๆ ผ่าตรงกลาง รวมถึงมีภูเขาขนาดใหญ่เป็นฉากหลังด้วย มุมนี้ผมแนะนำเลยว่าควรต้องแวะมาถ่ายรูปกันครับ โดยเค้าจะมีลานจอดอยู่ใกล้ๆ เราสามารถจอดรถแล้วเดินมาได้เลย

ส่วนจุดนี้จะเป็นอีกจุดที่ผมว่ามีความสวยมากๆ เพราะเราจะสามารถเห็นแนวเขาต่างๆ มากมายที่ดูแล้วคล้ายกับเกาะในทะเล และเป็นจุดที่ผมว่าหากอากาศดีๆ รับรองว่าพอเราถ่ายรูปขึ้นโซเชียลปั๊บ เพื่อนๆ เราต้องร้องกรี้ดด้วยความอิจฉาแน่ๆ ครับ

.

.

.

แต่ด้วยความที่วันนี้ผมไปแล้วท้องฟ้าเน่าไม่เป็นใจให้ผมถ่ายรูปเลย มันก็เลยได้ออกมาแค่นี้ครับ T_T

สำหรับการเดินทางมาที่จุดนี้ก็ไม่ยาก เพราะเส้นทางจากสันเขื่อนขึ้นมายังจุดนี้จะมีถนนเพียงเส้นเดียวอยู่แล้ว ไม่มีแยกซ้ายขวาไปไหน แต่ถ้าใครกลัวหลงก็สามารถที่จะนำชื่อตามนี้ 里越峠開道記念碑 ไปใส่ใน Google Maps ได้เลยครับ รับรองไปถูกที่แน่นอน

และสำหรับใครที่เดินทางมาถึงจุดนี้แล้ว หากยังมีเวลาเหลือๆ ก็สามารถที่จะขับรถตามถนนเพื่อไปชมวิวที่จุดอื่นๆ ต่อได้ อิ่มอกอิ่มใจเมื่อไหร่ก็ค่อยขับรถย้อนกลับมาตามทางเดิม แต่ถ้าใครที่มีเวลาจำกัดผมแนะนำให้เดินทางกลับเลยจะดีกว่าครับ เพราะแค่วิวระหว่างจากด้านล่างมาถึงจุดนี้มันก็เป็นอะไรที่สวยและคุ้มค่ากับการเดินทางมาแล้วครับ

และตอนนี้ผมก็ได้พาทุกคนเที่ยวชมความงามของเขื่อน Tagokura รวมทั้งจุดชมวิวต่างๆ ที่น่าสนใจรอบเขื่อนครบหมดแล้วครับ สำหรับใครที่มีแผนจะเดินทางต่อไปยังที่อื่นก็สามารถที่จะเคลื่อนพลต่อไปได้เลย แต่สำหรับใครที่อยากจะนอนพักที่เมืองนี้ซักคืนเพื่อสูดบรรยากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด และดูธรรมชาติที่งดงามให้เต็มตา ผมขอแนะนำที่พักที่ชื่อ Yunoyado Matsuya ตามลิงก์ด้านล่างนี้เลยครับ เพราะที่พักของเค้าสะอาด, ดี, อาหารอร่อย แถมเจ้าของยังพูดไทยได้อีกด้วยครับ ^^

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบครับ และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดทุกเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋ง ก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ