จากที่ผมได้มีโอกาสไปเดินชมงาน Thaifex 2017 ผมก็ได้เห็นว่างานนี้มีหลายๆ อย่างที่น่าสนใจมาก ก็เลยอยากจะมาบอกว่าใครที่รักการทำอาหาร ชอบชิมของอร่อยๆ ชอบชอปปิ้งของที่ราคาต่ำกว่าท้องตลาด หรือเป็นคนที่อยากจะลงทุนในกิจการที่เกี่ยวของกับอุตสาหกรรมอาหาร แต่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยไปงานนี้มาก่อน ควรจะต้องหาโอกาสไปเยี่ยมชมงานนี้ซักครั้งนะครับ มันดีจริงๆ ^^

และเพื่อให้ทุกคนเข้าใจง่ายๆ เกี่ยวกับงาน Thaifex ผมจึงขอสรุปจุดเด่นเป็นข้อๆ มาให้อ่านง่ายๆ ดังนี้นะครับ

  • Thaifex คือ งานมหกรรมอาหารระดับโลกที่รวบรวมสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร, อาหารสด, อาหารแห้ง, เครื่องดื่มหรืออุปกรณ์ต่างๆ มาไว้ภายในงานเดียวชนิดที่ครบครันสุดๆ

  • ภายในงานคุณจะพบกับของดีราคาถูกกว่าท้องตลาดจำหน่ายมากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแบรนด์ดังๆ ที่คุณรู้จักอยู่แล้ว หรือจะเป็นสินค้าน้องใหม่ที่พึ่งจะเปิดตัว

  • ภายในงานจะมีกิจกรรมสนุกสนานมากมายจากแต่ละบูธที่ร่วมออกงาน โดยกิจกรรมที่ฮอทฮิตที่สุดก็คือการเชิญเชฟคนดัง หรือดารา, เซเลปต่างๆ มาพูดคุย แนะนำเคล็ดลับในการทำอาหาร เรียกว่าใครที่ชอบการทำอาหารไม่ควรพลาด

  • โดยปกติแล้วงาน Thaifex จะจัดทั้งหมด 5 วันด้วยกัน โดย 3 วันแรกจะตรงกับวันพุธ – ศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่ใช้เจรจาธุรกิจโดยไม่มีการขายของปลีกย่อยให้กับคนทั่วไป ใครที่จะเข้างาน 3 วันนี้ต้องลงทะเบียนกันที่หน้างานก่อน ส่วน 2 วันหลังจะตรงกับวันเสาร์และอาทิตย์ เป็นการเปิดงานให้บุคคลทั่วไปเข้าชมงานและจับจ่ายซื้อของต่างๆ ได้ตามสะดวก ซึ่งเราสามารถเดินเข้าชมงานได้เลยโดยที่ไม่ต้องลงทะเบียน และผมอยากจะบอกว่าสองวันหลังนี่แหละที่ครึกครื้นสุดๆ เพราะนอกจากจะเดินช็อปปิ้งสนุกแล้วยังมีของอร่อยๆ ให้ชิมตลอดเลยครับ

ดูบรรยากาศคร่าวๆ กันไปแล้วทีนี้ไปดูสถานที่จัดงานในปีนี้กันดีกว่า งาน Thaifex 2017 จัดที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน 2560 โดยครอบคุลมพื้นที่ทั้ง Challenger 1-3 และ Impact Hall 1-6 หรือคิดเป็นพื้นที่กว่า 70,000 ตร.ม. เรียกว่ากว้างใหญ่มาก เดินกันเมื่อย เดินกันยาวไม่ต่ำกว่า 5-6 ชั่วโมงแน่นอนครับ

และด้วยพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ ถ้าจะให้ผมเล่าทั้งงานคงยาวและน่าเบื่อแน่ๆ ผมก็เลยขอสรุปมาสั้นๆ ว่านี่คือ 5 บูธหลักในงาน Thaifex 2017 ที่ผมประทับใจที่สุด จะมีบูธไหนบ้างไปดูกันเลยครับ


บูธที่ 1 : ชาตรามือ

ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าบูธนี้จะมีคนคึกคักต่อแถวยาวเหยียดเพื่อกินชาและไอศกรีมกันตั้งแต่ 10.30 น. หรือหลังจากประตูงานเปิดเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น และด้วยความที่มีคนต่อแถวยาวเหยียดชนิดที่บูธใหญ่ๆ ได้แต่มองตาปริบๆ แบบนี้ ผมก็เลยยกให้นี่เป็นหนึ่งในบูธที่ผมประทับใจไปเลยครับ


บูธที่ 2 : บุญรอด

ด้วยขนาดบูธที่ใหญ่มากแถมยังสวยงามและตั้งอยู่บริเวณกลางงาน ก็เลยทำให้บูธนี้กลายเป็นบูธที่สะดุดตามีคนเข้าบูธอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจบูธนี้ที่สุดก็คือการโชว์ผลิตภัณฑ์ที่มากมายของทางบุญรอดซึ่งทำให้ผมถึงกับอึ้งว่าเค้ามีผลิตภัณฑ์เยอะขนาดนี้เลยเหรอ เพราะแม้กระทั่งเมล่อนพี่เค้าก็ยังมีขายเลย!!


บูธที่ 3 : Malee

ด้วยความที่ผมชอบกินน้ำผลไม้มากๆ โดยเฉพาะน้ำผลไม้ 100% ดังนั้นบูธมาลีแห่งนี้จึงพิชิตใจผมไปด้วยโปรโมชั่นน้ำผลไม้ 100% ขนาด 1,000 มล. ที่ทางมาลีขนมาจำหน่ายในราคา 3 กล่อง 90 บาท จะถูกไปไหน!!


บูธที่ 4 : ดอยคำและสินค้าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

แม้บูธนี้จะไม่ได้มีโปรเด็ดๆ กระชากใจราคาแรงเหมือนหลายๆ บูธ แต่การที่ได้มาชิม มาเห็น มาเลือกซื้อสินค้าดอยคำและสินค้าคุณภาพจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริก็เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ แล้ว เพราะหลายอย่างนี่ผมหาซื้อแถวบ้านได้ยากมากกกกกกก แต่ในงานนี้มีให้เลือกซื้อเพียบเลย


บูธที่ 5 : SCG Packaging

ออกจะเป็นบูธที่ผมว่าแปลกแหวกแนวที่สุดในงาน เพราะบูธนี้เค้าไม่ได้ขายเครื่องจักร ไม่ได้ขายอาหาร แต่เค้าขายและนำเสนอบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่น่าสนใจ ทั้งบรรจุภัณฑ์อาหารที่มีดีไซน์สวยงาม แถมยังปลอดภัยต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, ถุงกระดาษลายเก๋ๆ อย่างปิ่นโตที่ผมเห็นแล้วถึงกับร้องกรี้ดอยากได้มากๆ, กล่องไปรษณีย์ลายมุ้งมิ้งที่คนที่ได้รับคงรู้สึกประทับใจ จนไปถึงบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่ออกแบบมาได้ลงตัวมาก เช่น กล่องใส่ส้ม, กล่องใส่ขนมไหว้พระจันทร์ หรือบรรจุภัณฑ์ที่มีความ innovative สูงๆ เพื่อตอบสนองต่ออุตสาหกรรมอาหารในปัจจุบันอย่างบรรจุภัณฑ์ที่หายใจได้ (OptiBreath) หรือฟิล์มชนิดพิเศษที่ไม่ต้องกังวลเรื่องไอน้ำจะมาเกาะที่ผิว (Anti-Fog) เป็นต้น

อ้อ….ที่บูธนี้เค้ายังมีกิจกรรมเจ๋งๆ อีกอย่างก็คือ มีผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบของ SCG Packaging มาคอยแนะนำให้คำปรึกษาในเรื่อง “Merchandising Display & Product Tag” ให้กับผู้ที่สนใจอีกด้วย แถมยังมีบริการออกแบบให้ฟรีสำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าในบูธครบถึงยอดตามที่เค้ากำหนดด้วยนะครับ เรียกได้ว่านอกจากจะได้ของดีๆ กลับบ้านไปแล้วยังได้โลโก้ร้านสวยๆ กลับไปใช้งานอีกด้วย ^^

.................

เอาล่ะครับ ตอนนี้ผมก็พาทุกคนชมบูธเด่นๆ ในงาน Thaifex 2017 ครบแล้ว แต่ถ้าใครยังชมไม่จุใจ อยากจะชมแบบภาพเคลื่อนไหว ได้บรรยากาศสุดๆ ก็ตามไปดูต่อที่คลิปนี้ได้เลยครับ

แล้วพบกันใหม่ในงาน Thaifex 2018 ในระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม จนถึง 2 มิถุนายน 2561 นะครับ และสำหรับคนที่ไม่เคยไปงานนี้มาก่อนผมบอกไว้เลยนะครับว่าให้เตรียมเวลา, เตรียมร่างกาย และเตรียมรถเข็นไว้ให้พร้อม เพราะคุณจะต้องเดิน ชิม ช็อปปิ้ง อย่างสนุกสนานตลอดทั้งวันอย่างแน่นอนครับ ^^

สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป